การ์ด WeVo ประกาศ เลิกใช้สัญลักษณ์ ปลอกแขนสีเขียวสะท้อนแสง
เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน เฟซบุ๊ก We Volunteer ของ การ์ด We Vo ได้ออกมาโพสต์ข้อความ ประกาศเลิกใช้ปลอกแขนสีเขียว โดยระบุว่า
“ประกาศสำคัญจาก We Volunteer ฉบับที่ 1
เรียน ประชาชนและสื่อมวลชนทุกท่าน
เนื่องจากเหตุสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน บริเวณ ถนนสามเสน (ใกล้กับรัฐสภาฯ) ที่ผ่านมา ได้ส่งผลให้ อาสาสมัครของ We volunteer (wevo) จำนวนมากได้รับบาดเจ็บ และ ทรัพย์สินได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะ เครื่องมือสื่อสาร รวมถึงการสูญหายของสัญลักษณ์ ในการทำงานของ wevo โดยเฉพาะ #ปลอกแขนสะท้อนแสงสีเขียว มีตรา โลโก้ของ wevo เป็นสำคัญ เพื่อบ่งบอกสังกัดในการทำหน้าที่ อาสาสมัครในการชุมนุมหลายๆครั้งที่ผ่านมา
และ นอกจากปลอกแขนสูญหายแล้ว สาเหตุหลักคือ การที่ กลุ่มการ์ด wevo ถูกกลุ่มชายใส่เสื้อสีเหลือง ดักรุมทำร้าย และชิงปลอกแขนของเราไป ในคืนวันนั้นหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจประกาศถอนกำลังไปไม่นาน
ดังนั้น เราจึงจำเป็นที่จะต้องประกาศยกเลิก สัญลักษณ์ #ปลอกแขนสีเขียวสะท้อนแสง ดังกล่าว โดยทันที เพื่อระงับ ยับยั้งการที่บุคคลอื่นนำไปใช้ในทางที่ผิดวัตถุประสงค์ของกลุ่ม
#WeVolunteer
19 พ.ย. 2563”
09.00 INDEX ก้าวหน้า สีสัน เลือกตั้งท้องถิ่น พร้อมกับ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
09.00 INDEX ก้าวหน้า สีสัน เลือกตั้งท้องถิ่น พร้อมกับ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
ถามว่าสนามเลือกตั้ง “ท้องถิ่น” ไม่ว่าจะเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด ไม่ว่าจะเป็นสมาชิกกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดในแต่ละเขต มีความคึกคักจากปัจจัยใด
คำตอบที่ตรงเป้าอย่างที่สุดก็มาจากการที่ “ขาใหญ่” หรือที่เรียก ว่า “บ้านใหญ่” ส่งคนของตนลง
ไม่ว่าจะเป็นที่เชียงใหม่ ไม่ว่าจะเป็นที่นครราชสีมา
ยิ่งเบื้องหลัง “บ้านใหญ่” มีเงาของพรรคการเมืองระดับชาติทอดทะมื่นอยู่ ไม่ว่าจะเป็นพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะเป็นพรรคพลังประชารัฐ ไม่ว่าจะเป็นพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าจะเป็นพรรคภูมิใจไทย
ยิ่งสร้างความคึกคัก ไม่เช่นนั้น ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง คงไม่เดินทางไปยังเชียงใหม่ เชียงราย ไม่เช่นนั้นบนพื้นที่นครราชสีมาคงไม่อึงคะนึงด้วยข่าวลือสารพัด
ในท่ามกลางการเคลื่อนไหวของ “บ้านใหญ่” การปรากฏขึ้นของ
“คณะก้าวหน้า” กลับกลายเป็นจุดสนใจอย่างใหญ่หลวง
ไม่ว่าจะเป็นที่นครศรีธรรมราช ไม่ว่าจะที่พระนครศรีอยุธยา
หลายคนอาจติดอยู่กับภาพฝังจำที่ “คนเสื้อเหลือง” ถือธงออกทุบรถแต่ละคันซึ่งแล่นออกจากโรงแรม อันเป็นการประท้วง นายธนาธร จึง รุ่งเรืองกิจ ที่นครศรีธรรมราช
เช่นเดียวกับเสียงเพลง “หนักแผ่นดิน” ดังกระหึ่มทั้งสายและบ่ายที่พระนครศรีอยุธยา
เป็นการต้าน “คณะก้าวหน้า” ต้าน นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
กระนั้น หากติดตามเพจของ “คณะก้าวหน้า” อย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงแต่สัมผัสได้ถึงโครงการตัดถนนเลียบทะเลของผู้สมัครอบจ.นครศรีธรรมราชอันเปี่ยมด้วยความหวังเท่านั้น
หากแต่พลันที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ปรากฏตัวท่ามกลางประชาชนที่ยโสธร ไม่ว่าผู้เยาว์ ไม่ว่าผู้เฒ่า ไม่ว่าวัยรุ่น หนุ่มสาว ไม่ว่าผู้อาวุโส ต่าง “เซลฟี่” ด้วยความยิ้มแย้มแจ่มใส
ยิ่งการปรากฏตัวที่สกลนคร ยิ่งมากด้วยความคึกคัก
ไม่เพียงแต่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หากกระทั่ง นายปิยบุตร แสงกนกกุล น.ส.พรรณิการ์ วานิช ก็เดินสายอย่างไม่รู้จักเหนื่อย
ต้องยอมรับว่าการปรากฏตัวของ “คณะก้าวหน้า” ไม่ต่ำกว่า 40 จังหวัดได้สร้างปรากฏการณ์ทางการเมืองขึ้นอย่างเหนือความคาดคิด เพราะเท่ากับดับเครื่องชนกับ “บ้านใหญ่” โดยตรง
เป็นการดับเครื่องชนพร้อมกับ “นโยบาย” และ “โครงการ” ใหม่ๆ
เป็นการแต้ม “สีสัน” ให้กับการเลือกตั้ง “ท้องถิ่น” อันคึกคักเข้มข้น
3 ความเห็น
ผลการลงมติชี้ชะตาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาราธอน 5 ชั่วโมง ก็ ตรงตามหวยล็อกร้อยเปอร์เซ็นต์ คือมีเพียง 2 ร่างจาก 7 ร่าง ที่ได้รับโหวต เห็นชอบจากเสียงข้างมากของที่ประชุมร่วม ส.ส.–ส.ว.
ได้แก่ ร่างแก้ไขฉบับที่ 1 ของพรรคฝ่ายค้าน ได้รับคะแนนเห็นชอบ 556 เสียง มี ส.ว.ลากตั้ง เห็นชอบ 127 คน
และร่างแก้ไขฉบับที่ 2 ของพรรคร่วมรัฐบาล ได้รับคะแนนโหวตเห็นชอบ 647 เสียง มี ส.ว.ลากตั้ง โหวตหนุนอีก 176 คน
ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 2 ฉบับ ที่ผ่านแหลมกู๊ดโฮปขึ้นฝั่งโดยสวัสดิภาพ มีเนื้อหาคล้ายกันคือ ให้มี ส.ส.ร. 200 คน ทำหน้าที่ยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ใช้แทนรัฐธรรมนูญฉบับสืบทอดอำนาจ คสช.
ปรากฏว่ามี ส.ว.ลากตั้ง (ที่ยังมี จิตศรัทธาต่อระบอบประชาธิปไตย) โหวตเห็นชอบร่างพรรคฝ่ายค้านถึง 127 คน และโหวตเห็นชอบร่างพรรคร่วมรัฐบาล 176 คน (จากจำนวน ส.ว. ลากตั้งทั้งหมด 245 คน)
เยอะกว่าที่คาดไว้บานตะไท!!
“แม่ลูกจันทร์” เสียดายร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญอีก 5 ฉบับ ที่ไม่ได้รับคะแนนโหวตเกินกึ่งหนึ่งของ ส.ส. และ ส.ว. รวมกันคือ 366 คน
สรุป 5 ร่างที่ถูกโหวตคว่ำกลางสภาฯ ได้แก่...
ร่างแก้ไขฉบับที่ 3 ตัดอำนาจ ส.ว. ร่วมโหวตแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีได้รับเสียงเห็นชอบ 213 คะแนน
ร่างแก้ไขฉบับที่ 4 ตัดอำนาจ ส.ว. กำกับควบคุมแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ได้รับโหวตเห็นชอบ 248 คะแนน
ร่างแก้ไขฉบับที่ 5 ยกเลิกการรับรองคำสั่ง คสช. ได้รับเสียงเห็นชอบ 209 คะแนน
ร่างแก้ไขฉบับที่ 6 ยกเลิกกติกาเลือกตั้งแบบพิสดาร ให้กลับไปใช้ระบบ บัตรเลือกตั้ง 2 ใบอย่างเดิม ได้รับเสียงเห็นชอบ 268 คะแนน
และร่างแก้ไขฉบับที่ 7 หรือ “ฉบับไอลอว์” ที่ประชาชนกว่าหนึ่งแสนคนลงชื่อยื่นเสนอโดยตรง ได้รับเสียงเห็นชอบน้อยที่สุด 212 คะแนน
แต่ที่เก๋มากคือ มี ส.ว. ลากตั้ง กล้าหาญชาญชัย แหกค่ายมฤตยูโหวตเห็นชอบร่างฉบับไอลอว์ถึง 3 คน
1,นายเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ 2,นายพีระศักดิ์ พอจิต และ 3,นายพิศาล มาณวพัฒน์
อย่างน้อยก็มี ส.ว.ลากตั้ง 3 คน (จาก 245 คน) ที่มีประชาธิปไตยอยู่ในดีเอ็นเอ
ในขณะที่ ส.ว.ลากตั้ง ส่วนใหญ่โหวตขัดขวางการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยอย่างหน้าตาเฉย
ทั้งๆที่กินเงินเดือนจากภาษีประชาชนทุกบาททุกสตางค์!!
“แม่ลูกจันทร์” ชี้ว่า การที่ ส.ว. ลากตั้ง 3 คน ที่โหวตหนุนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนหนึ่งแสนคน ยื่นเสนอโดยตรงเป็นเรื่องน่าชื่นชม
อย่างไรก็ดี การลงมติชี้ชะตาแก้รัฐธรรมนูญที่ผ่านไปยังมีเรื่องน่าแปลกใจอีกเหมือนกัน
นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาฯ พรรคพลังประชารัฐ ที่แหกมติพรรคตัวเอง โหวตค้านญัตติแก้ไข รัฐธรรมนูญของพรรคตัวเองกลางที่ประชุมสภา
กล้าทำไปได้...ไม่กระดากใจบ้างเรอะโยม??
“แม่ลูกจันทร์”
ไอ้เห้ตู่