
ทุกวันนี้เรามี Baby boom (1946-1964) อยู่ประมาณ 11.8 ล้านคน
Gen X (1965-1980) 16.4 ล้านคน
Gen Y (1981-1996) 15.2 ล้านคน
Gen Z วัยหนุ่มสาว (1997-2012) 5.3 ล้านคน
สองเจน Y-Z นี่โตมาในยุคเทคโนโลยีใหม่ แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับหนุ่มสาวยุคสงครามเย็น
พูดง่าย ๆ ว่าไม่ต้องเอาเรื่องอาบน้ำร้อมมาก่อนไปใช้กับมัน เพราะ Baby boom อย่าไปหาญสู้เรื่องเทคโนโลยีกับเด็กพวกนี้ เชิญต้มน้ำร้อนอาบไปรุ่นเดียว พวกมันสั่งน้ำร้อนมาอาบ
อีก 2 ปีข้างหน้า เลือกตั้งใหม่
Baby boom จะตายห่านไปส่วนหนึ่ง หมดแรงจะไปเลือกตั้งอีกส่วนหนึ่ง จำนวน Baby boom จะลดลงเหลือประมาณ 11.1 ล้านคน
ขณะที่ Gen Y, Z ที่พร้อมจะมีสิทธิเลือกตั้งจะเพิ่มเป็น 22.1 ล้านคน
การเมืองเก่าจะไปหาฐานเสียงจากไหนมาสู้กับสามนิ้ว
อีก 5 ปีข้างหน้า Baby boom ก็จะย้ายไปอยู่ดาวอังคาร (ตายห่าน) อีก 2.4 ล้าน เหลืออยู่ 9.4 ล้าน
Gen Y, Z วัยทำงาน เพิ่มขึ้นมาอีกเป็น 24.5 ล้านคน
ไม่ต้องพูดถึง 10 ปีข้างหน้า Baby boom เหลือไม่ถึง 7 ล้าน Gen Y, Z จะเพิ่ม 28.4 ล้าน
ถึงวันนั้น อะไรที่เคยเห็นทุกวันนี้ ก็จะไม่ได้เห็นอีกแล้ว เพราะมันเข้าไม่ได้กับความเชื่อใหม่
ดู 112 เป็นตัวอย่าง Baby boom ไชโยโห่ฮิ้วกันใหญ่
แต่เด็กมันบอก ตะหล้กกกกก ใครสนครับ
นี่ยังไม่รวม Gen X เข้าไปอีกรุ่น เพราะมันก้ำกึ่ง ไม่ไปทางไหนเด็ดขาด
แต่ต่อให้แบ่งครึ่งยังไง รวม X, Y, Z ก็คือคนส่วนใหญ่ของประเทศ
อีก 10 ปี เท่านั้นครับ ไม่นานเกินรอ
6 ความเห็น
ถึงอย่างไรพวกคุณก็เอาชนะเวลาไม่ได้
มันไม่อยู่ข้างเผด็จการอีกแล้ว
นวดไปเรื่อยๆตอนนี้ทั้งโควิด ศก ความเสื่อมมันจะนำพาสักดินาพินาศเองครับ กลไกมันจะพามันไปเอง
แค่ตอนนี้
ก็เห็นชัดแล้วว่า กำลังซื้ออยู่ที่ไหน
ขนาดเนชั่นยังรู้ว่า กำลังซื้ออยู่ฝ่ายชูสามนิ้ว
ถ้ายังงี่เง่าต่อไป
ก็ไม่มีทางรอดแน่ๆ
ก็หวังว่า ถึงวันที่คนไทยจะตาสว่างเสียที
กลุ่มอนุรักษ์นิยม ดูแล้วส่วนมากหาที่เป็นอนาคตยากหรือไม่มีเลยก็ว่าได้ อย่างเก่งก็เป็นแค่ปัจจุบันที่กำลังจะเป็นอดีต หรือเป็นอดีตแล้วก็มี บางคนก็เป็นอดีตถาวรไปแล้ว
...
ความหมายที่เห็นชัดก็คือ กลุ่มพวกเขา เป็นกลุ่มที่กำลังจะจากไป ไม่ใช่กลุ่มที่จะอยู่่ต่อ เป็นกลุ่มที่กำลังจะเป็นอดีต ไม่ใช่กลุ่มที่เป็นอนาคต ที่จะอยู่ต่อไปในโลกยุคหน้า
...
หน้าที่จริงๆ ควรเตรียมความพร้อมที่จะจากไป และเตรียมส่งผ่านความเป็นอยู่ในโลกใบนี้ ให้คนที่เขาจะอยู่ต่อกำหนดทิศทางเอง เพราะพวกเขาต้องอยู่เผชิญหน้ากับมัน
...
การส่งผ่านความเป็นอยู่ ควรส่งผ่านเหมือนที่บรรพบุรุษทำมา คือส่งแบบวงเล็บเปิดปลาย ไม่ปิดตายว่าต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้ เพราะเราไม่รู้ว่าข้างหน้าจะเป็นอย่างไร
...
อีกสิบปี ร้อยปี จะแตกต่างกว่าทุกวันนี้ขนาดใหน คนรุ่นหน้าจะอยู่แบบใหน ถ้ายังคงทำเหมือนทุกวันนี้จะอยู่ได้ใหม ที่แน่ๆ ยังไงมันก็ไม่เหมือนวันนี้ ถ้าทำแบบนี้รอดยาก
....
คนจะมากขึ้นกว่านี้หลายเท่า ทรัพยากรจะน้อยลงกว่านี้หลายเท่า แต่โลกยังเท่าเดิม เอาแค่นี้มันก็ไม่รอดแล้ว ไม่ต้องนับปัจจัยอย่างอื่น แต่กลับไม่ยอมส่งผ่านให้ซ๊ะงั้น
...
จะกอดความเป็นอยู่แบบนี้ตายไปกับตัวเอง ที่จริงก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอก ถือเป็นความชื่นชอบส่วนตัว แต่นี่ดันบังคับให้คนที่จะอยู่ต่อต้องตายไปกับตัวเองด้วย ไครจะยอม
ไอ้เห้ตู่ออกไป
มิติใหม่ของสังคมไทยในด้านการปกครองและวัฒนธรรมกำลังเปิดประตูสู่ความเปลี่ยนแปลง